ประเภทของเด็กที่มีความต้องการพิเศษ
แบ่งได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
1. กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความสามารถสูง
เด็กปัญญาเลิศGifted Child
-เด็กที่มีความสามารถทางสติปัญญา
-มีความถนัดเฉพาะทางสูงกว่าเด็กในวัยเดียวกัน
ลักษณะของเด็กปัญญาเลิศ
-เรียนรู้สิ่งต่างๆ
ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
-อยากรู้อยากเห็นอย่างจริงจัง
ชอบซักถาม
-มีเหตุผลในการแก้ปัญหา การใช้สามัญสำนึก
-จดจำได้รวดเร็วและแม่นยำ
-มีความรู้
ใช้คำศัพท์เกินวัย
-มีความคิดริเริ่ม
มีวิธีการคิดและแนวคิดแปลกๆ
-ชอบแสวงหาสิ่งท้าทายความคิดความอ่าน
2. กลุ่มเด็กที่มีลักษณะทางความบกพร่อง
มี 9 ประเภท ดังนี้
เด็กที่บกพร่องทางสติปัญญา
เด็กที่บกพร่องทางการได้ยิน
เด็กที่บกพร่องทางการเห็น
เด็กที่บกพร่องทางร่างกายและสุขภาพ
เด็กที่บกพร่องทางการพูดและภาษา
เด็กที่บกพร่องทางพฤติกรรมและอารมณ์
เด็กที่บกพร่องทางการเรียนรู้
เด็กออทิสติก
เด็กพิการซ้อน
1. เด็กที่บกพร่องทางสติปัญญา
มี 2 กลุ่ม คือ เด็กเรียนช้า
และเด็กปัญญาอ่อน
เด็กเรียนช้า
- มีความบกพร่องทางสติปัญญาเพียงเล็กน้อย
- มีระดับสติปัญญา (IQ) ประมาณ 71-90
เด็กปัญญาอ่อน
1. เด็กปัญญาอ่อนขนาดหนักมาก IQ ต่ำกว่า 20
2. เด็กปัญญาอ่อนขนาดหนัก IQ 20-34
3. เด็กปัญญาอ่อนขนาดปานกลาง IQ 35-49
4. เด็กปัญญาอ่อนขนาดน้อย IQ 50-70
ลักษณะของเด็กที่บกพร่องทางสติปัญญา
ไม่พูด หรือพูดได้ไม่สมวัย
ช่วงความสนใจสั้น วอกแวก
ความคิด และอารมณ์ เปลี่ยนแปลงง่าย รอคอยไม่ได้
ดาวน์ซินโดรม Down Syndrome
สาเหตุ
โครโมโซมคู่ที่ 21 เกินมา 1 แท่ง
อาการ
ศีรษะเล็กและแบน คอสั้น
หน้าแบน ดั้งจมูกแบน
ตาเฉียงขึ้น ปากเล็ก
ใบหูเล็กและอยู่ต่ำ รูหูส่วนนอกจะตีบกว่าปกติ
เพดานปากโค้งนูน ขากรรไกรบนไม่เจริญเติบโต
ช่องปากแคบ ลิ้นยื่น ฟันขึ้นช้าและไม่เป็นระเบียบ
มือแบนกว้าง นิ้วมือสั้น
เส้นลายมือตัดขวาง นิ้วก้อยโค้งงอ
การตรวจวินิจฉัยก่อนคลอดกลุ่มอาการดาวน์
การเจาะเลือดของมารดาในระหว่างที่ตั้งครรภ์
อัลตราซาวด์
การตัดชิ้นเนื้อรก
การเจาะน้ำคร่ำ
2. เด็กที่บกพร่องทางการได้ยิน
มี 2 ประเภท คือ เด็กหูตึง และ เด็กหูหนวก
เด็กหูตึง
หมายถึง เด็กที่สูญเสียการได้ยิน แต่สามารถรับข้อมูลได้ โดยใช้เครื่องช่วยฟัง จำแนกกลุ่มย่อยได้ 4กลุ่ม
1. เด็กหูตึงระดับน้อย ได้ยินตั้งแต่ 26-40 dB
2. เด็กหูตึงระดับปานกลาง ได้ยินตั้งแต่ 41-55 dB
3. เด็กหูตึงระดับมาก ได้ยินตั้งแต่ 56-70 dB
4. เด็กหูตึงระดับรุนแรง ได้ยินตั้งแต่ 71-90 dB
เด็กหูหนวก
- เด็กที่สูญเสียการได้ยินมากถึงขนาดที่ทำให้หมดโอกาสที่จะเข้าใจภาษาพูดจากการได้ยิน
- เครื่องช่วยฟังไม่สามารถช่วยได้
- ไม่สามารถเข้าใจหรือใช้ภาษาพูดได้
- ระดับการได้ยินตั้งแต่ 91 dB ขึ้นไป
ลักษณะของเด็กที่บกพร่องทางการได้ยิน
ไม่ตอบสนองเสียงพูด เสียงดนตรี มักตะแคงหูฟัง
พูดไม่ถูกหลักไวยากรณ์
เวลาฟังมักจะมองปากของผู้พูด หรือจ้องหน้าผู้พูด
3. เด็กที่บกพร่องทางการเห็น
จำแนกได้เป็น 2 ประเภท คือ เด็กตาบอด และ เด็กตาบอดไม่สนิท
เด็กตาบอด
-เด็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้เลย หรือมองเห็นบ้าง
- ต้องใช้ประสาทสัมผัสอื่นในการเรียนรู้
เด็กตาบอดไม่สนิท
- เด็กที่มีความบกพร่องทางสายตา
- สามารถมองเห็นบ้างแต่ไม่เท่ากับเด็กปกติ
ลักษณะของเด็กบกพร่องทางการเห็น
เดินงุ่มง่าม ชนและสะดุดวัตถุ
มองเห็นสีผิดไปจากปกติ
มักบ่นว่าปวดศีรษะ คลื่นไส้ ตาลาย คันตา
ก้มศีรษะชิดกับงาน หรือของเล่นที่วางอยู่ตรงหน้า
เพ่งตา หรี่ตา หรือปิดตาข้างหนึ่ง เมื่อใช้สายตา
ตาและมือไม่สัมพันธ์กัน
การประยุกต์
เพื่อจัดกิจกรรมได้อย่างเหมาะสมกับเด็ก
ประเมินอาจารย์
อ.ตั้งใจสอนเป็นอย่างมากค่ะประเมินตนเอง
ตั้งใจเรียนและตั้งใจนทำกิจกรรมพอใช้
ประเมินเพื่อน
เพื่อนตั้งใจเรียนกันดีค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น